เรารู้จักโควิด 19 กันมานานมากแล้วเนาะ ตั้งแต่อยู่อู่ฮั่นโน้น...จนวันนี้ ( 31 มีนาคม 2563 ) ช่วงระบาดที่จีน บ้านเราก็มีหลายๆ คนเรียกร้องให้ปิดประเทศ ไม่รับนักท่องเที่ยวจีน กับหลายๆ ท่าน ขึ้นป้ายยินดีรับนักท่องเที่ยวจีน พร้อมวาทะเด็ด ไม่กลัวโรคระบาดโควิด แต่กลัวอดตาย
ฉันนั้นติดตามข่าวเรียกว่าตาไม่กระพริบ เห็นในเพจหมอบางเพจ ลงข่าวว่านักท่องเที่ยวจีนกว้านซื้อหน้ากากอนามัยจากไทยกลับไปใช้ที่จีน ทั้งๆ ที่หน้ากากอนามัยที่ขายในบ้านเราก็นำเข้ามาจากจีน มีภาพประกอบด้วยนะ
ฉันเลื่อนไปอ่านคอมเม้นท์ มีคนนึงคอมเม้นท์ว่า จริงค่ะบ้านเราเปิดร้านขายยา นักท่องเที่ยวจีนมาซื้อหน้ากากอนามัยชนิดที่มีเท่าไหร่ซื้อหมด ! ฉันยังคิด เอ้ ! จริงเร้อ ? แม้คลางแคลงใจ แต่ก็ซื้อเก็บไว้ใช้กล่อนนึงนะ ช่วงนั้นน่าจะเดือนมกราคม ทุกวันนี้ยังใช้ไม่หมดเลย ก็พอบ้านเราเริ่มมีคนติดเชื้อ ตลาดหน้ากากอนามัย
ดุเดือดขนาดไหนก็รู้ๆ กันอยู่ อีกอย่างผู้เชี่ยวชาญบางท่านก็บอกว่าใช้หน้ากากผ้านั้น ดีกว่า เพราะหน้ากากอนามัยที่เราใช้แล้วนั้น เป็นขยะติดเชื้อนะคะ พอถอดออกจากหน้าเราแล้ว เราต้องมีวิธิิีทิ้งวิธีเก็บขยะแยกต่างหาก อ่ะ คุณนึกภาพเวลาไปเยี่ยมญาติที่โรงพยาบาลสิ คุณจะเห็นถังขยะ....สำหรับขยะติดเชื้อ...ใช่หรือเปล่าคะ ตั้งแต่นั้นมา ออกนอกบ้านทีไร ฉันใช้ผ้าบัฟ ค่ะ เพราะหน้ากากผ้าฉันเจ็บหูตรงที่สายคล้องรัด...ไม่ไหวเลยรำคาญจริงๆ เจ็บจนรำคาญ

พอกลับถึงบ้าน ปุ๊บ จะต้องรีบถอดผ้าบัฟซักด้วยน้ำสบู่ทันทีเพื่อฆ่าเชื้อ แบบ...แกโควิด แกตายแน่ ตายซี้แหงแก๋
ณ วันนี้ เรา Lockdowm และรณรงค์ Social Distance กันแล้ว อยู่บ้าน บ้านนะคะ จะไปเบื่อทำไม ดีแค่ไหนที่มีบ้านให้อยู่ จะเล็ก จะน้อย ก็บ้านเรา มีอะไรให้ทำตั้งมากมาย ถ้าเรามีความขยันมาก....แต่ถ้าขยันน้อย ก็จะแย่หน่อยตรงที่จะ...อ้วนค่ะ อ้วน น้ำหนักจะมา ไขมันที่พุงจะงอกเงย
พุทธทาส ตอบคำถาม เล่มนี้เป็นการพิมพ์ครั้งแรก ของอมรินทร์ธรรมะ มีนาคม 2551 รูปเล่มและสีสรรชวนหยิบมาอ่านมาก ลองอ่านเนื้อหาด้านในกัน
ซักเรื่องนะคะ วันนี้ ฉันเลือก
ปัญหาที่ 84 การกินเนื้อกินผัก ถาม ผู้เผยแผ่ศาสนาสอนแนวปฏิบัติสู่นิพพาน แล้วในบาตรนั้นยังเต็มไปด้วยเลือดและเนื้อที่เป็นอาหารอยู่อย่างนั้น จะมีจิตเมตตาได้อย่างไร ในขณะที่ฉันเนื้อกับผักนั้นจิตชนิดไหนจะปกติง่ายกว่ากัน..... ตอบ ...ท่านตอบยาวนะคะและชัดเจนมาก ขอยกมาเฉพาะบางช่วงบางตอนนะคะ.....ภิกษุที่แท้จริงอาศัยการเลี้ยงชีวิตด้วยอาหารที่ผู้อื่นให้ในลักษณะที่เป็นขอทาน คือเขาใส่อะไรให้มาในภาชนะก็มาพิจารณาดู โดยลักษณะแห่งความเป็นอาหารที่ได้มาตามแบบของภิกษุผู้เลี้ยงชีวิตเนื่องด้วยผู้อื่น อย่างคนขอทาน ว่าเป็นอาหารที่สมควรแก่สมณะหรือไม่? ทีนี้เมื่อจะฉันเข้าไป คำไหน ชิ้นไหน อย่าได้สำคัญว่ามันเป็นเนื้อหรือผัก ถ้าเห็นว่าอาหารชิ้นนี้ไม่เหมาะแก่ภาวะ เราก็ขว้างทิ้งไปเสีย อาหารชิ้นนี้เหมาะแก่อัตตภาพของเราก็ฉันโดยไม่ต้องเกิดโทษ ไม่ทำความสำคัญมั่นหมายว่าเป็นเนื้อหรือเป็นผัก........... ย้ำอีกทีหนึ่งว่า ได้มาอย่างขอทาน ในบาตรมีอะไรก็คงจะมีไปตามเหตุ ตามปัจจัย ตามเรื่องราวที่ชาวบ้านเขาจะใส่ให้มา ถ้าไปขอทานในหมู่มนุษย์ที่มีการกินเนื้อเป็นอาหาร ในบาตรนั้นมันก็จะต้องมีเนื้อติดมาด้วยเป็นธรรมดา ถ้าไปขอทานในหมู่มนุษย์ที่ไม่กินเนื้อเป็นอาหารมันก็ไม่มี มันก็มีแต่ผัก ภิกษุก็จะไม่สำคัญมั่นหมายว่าผัก ว่ากูจะกินแต่ผัก อย่างนี้ก็ไม่มี...ฯลฯ ฉันเนื้อและฉันผัก จิตไหนปกติกว่ากัน ? จิตปกตินี้มันก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเนื้อหรือผัก ไปดูสัตว์ที่มันกินผัก มันก็ยังไม่มีจิตปกติ มันก็ไม่ได้เปรียบ
เสียเปรียบอะไรกันนักในเรื่องเนื้อและผักในการที่จะมีจิตเป็นปกติ จิตจะปกติได้ ก็เพราะมีสติสัมปชัญญะ ควบคุมจิตไว้ในคลองของธรรมะ จิตมันจึงจะปกติ.... ตอนเห็นคำถาม ก็...อือม์ ท่านจะตอบคำถามนี้แบบไหนนะ ? ถ้าอ่านเท่าที่คัดมาบางตอนนี้ยังไม่กระจ่าง ZurpZip.com มีขายนะคะ
By แอดมิน